เทศน์เช้า

พุทธดี

๒๙ ธ.ค. ๒๕๔๔

 

พุทธดี
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๔
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ถ้าศาสนาพุทธเราดี ทำไมศาสนาพุทธเราคนนับถือน้อยมาก ในศาสนาพุทธนี่คนนับถือน้อย เราบอก “นับถือน้อยเพราะว่าศาสนาพุทธดี ดีเยี่ยมเลย ดีที่สุด ดีจนแบบว่าเขาไม่สามารถจะเข้าถึงได้” ในศาสนาอื่นๆ ในลัทธิศาสนาอื่นๆ เป็นการอ้อนวอน เป็นการขอร้อง เป็นการเอาใจ เป็นการเอาใจพระเจ้า เป็นการพยายามพึ่งพาคนอื่น แต่ศาสนาพุทธสอนให้พึ่งพาตนเอง ให้สอนการกระทำของตนเอง เห็นไหม ทำดีทำชั่ว อย่างเช่นที่เราทำกันอยู่นี่ เราพยายามทำตัวเอง เห็นไหม

ศาสนาพุทธนี่เอาอะไรเป็นหลัก ปฏิเสธทุกอย่าง ปฏิเสธการไหว้วาน ปฏิเสธการทุกอย่างเลย กรรมคือการกระทำ เห็นไหม เราต้องกระทำของเราเอง เราถึงต้องมาประพฤติปฏิบัติกัน เราออกมาประพฤติปฏิบัติเพื่อคุณงามความดีของพวกเรากันเอง แล้วทาน ศีล ภาวนา เรื่องการให้ทานเป็นการสละออก เป็นการฝึกเด็ก เด็กๆ ต้องฝึกกันตรงนั้น ถ้าฝึก มีการสละออก มีการให้ เห็นไหม พอมีการให้มันมีการฝึกฝนขึ้นมา

สิ่งที่เป็นวัตถุมันสละ มันจับต้องได้ สิ่งที่มันหยาบ ของที่มันหยาบๆ ยังทำกันไม่ได้ แล้วก็มองว่าที่พูดอย่างนี้เพราะอะไร เพราะพระเป็นผู้ได้ สละไปใครเป็นคนได้ พระเป็นคนได้ อันนั้นเป็นที่เขาพูด พระได้อะไร? อาจารย์มหาบัวท่านเปรียบเหมือนท้องนา เห็นไหม ผืนแผ่นดินเวลาเราทำนานี่ เจ้าของนาคือเราเป็นคนทำบุญกุศล เราทำบุญกุศลออกไป เราเป็นเจ้าของนา นี้เนื้อนาบุญของโลก เราทำนาลงไปนี่ ข้าวปลาอาหารนี่เป็นของใคร? เป็นของเจ้าของใช่ไหม เนื้อนาบุญ เนื้อนาก็ได้แต่ฟางข้าว ได้แต่ต้นข้าวที่เขาเกี่ยวแล้วอยู่ตรงนั้นใช่ไหม

นี่เหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจ มันเป็นความสุขใจ มันเป็นความพอใจ เราเป็นเจ้าของไทยทาน สิ่งที่เจ้าของไทยทาน เราสละอันนั้นออกไป เราเป็นเจ้าของ แล้วว่าพระได้ พระได้อะไร ได้แต่เศษ เห็นไหม เราเป็นผู้สละออกไป เราสละออกไปได้ แล้วภิกษุจะไปติดของอย่างนั้นได้อย่างไร ถ้าไปติดของอย่างนั้นก็จิตใจต่ำกว่าเรา เห็นไหม เราเป็นเจ้าของเนื้อนาบุญของโลก เราเป็นเจ้าของไทยทาน แล้วเราสละลงที่ตรงนั้น ถ้าไม่มีพระมันก็ไม่มีการทำบุญ ทำบุญกุศลทำตรงนั้น นี่คือทาน ทานก็มีศีล มีศีลขึ้นมา ปกติขึ้นมาเพื่อระงับใจของตัวเอง

ถ้าเราเวลาทุกข์ยาก ถ้าเป็นลัทธิศาสนาอื่นๆ ก็อ้อนวอน ให้เขาแก้ไขให้ ให้เขาทำให้ แต่ในศาสนาพุทธของเรา เราต้องทำเอง ศีลคือความปกติของใจ ใจมันข่มตัวเองให้อยู่ในความเห็นของตัวเอง เห็นไหม นี่พยายามดัดตนของตัวเอง ตนของเรานั้นเป็นผู้ที่เจ้าของ เป็นอิสระ เป็นผู้ที่สามารถจะทำได้ มันดีเลิศขนาดนั้น ดีเลิศขนาดที่ว่าสามารถชำระกิเลสออกจากใจได้

ถ้าชำระกิเลสออกจากใจของตัวเอง เห็นไหม เราถึงต้องมาประพฤติปฏิบัติกัน แต่คนเขามองไม่เห็นคุณงามความดีตรงนี้ เขาว่าศาสนาพุทธดีดีตรงไหน ดีทำไมคนนับถือน้อย นับถือน้อยเพราะอะไร เพราะว่ามันพิเศษ มันละเอียดอ่อนเกินไปจนเขาไม่สามารถเข้าถึงได้ เราไปอ้อนวอน เราไปขอใคร เราไปขอความช่วยเหลือของเขานี่ อย่างนั้นมันทำได้ แต่ในเมื่อเราต้องช่วยเหลือตัวเราเอง เวลาทุกข์ยากเราพยายามช่วยเหลือตัวเราเอง มันทำได้อย่างไร มันทำได้ แล้วมันทำได้ด้วยความเป็นจริงด้วย เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ไป ตรัสรู้เรื่องอย่างนี้ เราถึงต้องพยายามดัดตนกัน เราทำความเพียรของเรา

เรื่องศาสนานี่มันเหมือนกับอาหาร สำรับอาหารอยู่ตรงหน้าเรา แล้วเราไม่เปิบของเราไป โอกาสของชาวพุทธนี่เสียดายมาก การเกิดมาพบพุทธศาสนานี่เป็นเรื่องแสนยาก เพราะสัตว์โลกเกิดมาในโลกนี้หลายๆ พันล้านคน แล้วในจิตใจ วิญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาพบพุทธศาสนา เห็นไหม แล้วเราว่าชาวพุทธนับถือน้อย เราว่าน้อยกว่าที่เห็นอยู่นะ ส่วนใหญ่แล้วเรานับถือนี่ด้วยพ่อแม่พานับถือ เราไม่ศรัทธาความเป็นจริงของเรา เราไม่เข้าใจเรื่องความเป็นจริง ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องความเป็นจริง เราไม่เห็นสิ่งนั้นมีคุณค่า เราจะไปจับสิ่งนั้น เราจะไปแสวงหาสิ่งนั้นทำไม ถ้าคนเห็นว่าสิ่งนั้นมีคุณค่า เขาถึงแสวงหาสิ่งนั้น

นี่เหมือนกัน ศาสนาพุทธวิเศษ วิเศษจนสามารถชำระกิเลสได้ แต่สามารถชำระกิเลสได้นี่ กิเลสมันเป็นความเห็นของใจ มันจับต้องไม่ได้ แล้วเราชำระมันอย่างไร มันถึงต้องมีทาน มีศีล มีภาวนา เพื่อสร้างรูปแบบขึ้นมาให้ใจมันเกาะเกี่ยวหมด จะสร้างรูปแบบขนาดไหน ศาสนาพุทธนี้ย้อนกลับมาที่เรา จะเรื่องอะไรก็แล้วแต่มันสะเทือนหัวใจ

เรื่องการสละทานมันก็สะเทือนหัวใจ เรื่องกำจัดตัวเองมันก็สะเทือนหัวใจ เพราะกิเลสมันอยู่ที่ใจ แต่มันต้องเน้นลงที่ใจ เห็นไหม แล้วมันผุดผ่องมันผุดผ่องออกที่ใจ ใจเท่านั้นจะผุดผ่อง ใจเท่านั้นที่หลุดพ้นออกไปจากกิเลสได้ มันถึงว่าเน้นจะเป็นรูปแบบขนาดไหน มันก็ต้องเน้นลงที่ใจ เพราะใจมันพาเกิดพาตาย

เราเกิดมาอยู่ทุกวันนี้อะไรพาเกิด ถ้าไม่มีหัวใจมาเกิด ปฏิสนธิในครรภ์มารดา จิตปฏิสนธิ ถ้าจิตไม่ปฏิสนธิมันเกิดไม่ได้ ขนาดไหนมันก็เกิดไม่ได้ ไม่มีตัววิญญาณปฏิสนธิ เห็นไหม ฉะนั้นเวลาเกิดขึ้นมาแล้วร่างกายถึงเป็นของพ่อแม่ไง เลือดในอกพ่อแม่นี้กลั่นออกมาเป็นเรา แต่นิสัยใจคอนี้เป็นจิตตัวที่มาเกิด

จิตที่มาเกิดนี่ จิตตัวนั้นดีหรือไม่ดี จิตตัวนั้นคุณภาพของจิต เห็นไหม เบื้องหลังของจิต การเกิดและการตาย จิตนั้นสะสมมาอย่างไร ถ้าสะสมมาดีจิตดวงนั้นจะมีคุณสมบัติดี ถ้าจิตดวงนั้นมันมีอกุศลมาในหัวใจมาก มันจะเกเรเกตุงของมันไป จิตดวงนั้นเป็นอย่างนั้น พอมาประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม ทำได้ง่าย ทำได้ยาก มันก็ย้อนกลับมาอำนาจวาสนา อำนาจวาสนามีส่วนเหมือนกัน แต่ส่วนของอำนาจวาสนามันไม่เท่ากัน แข่งอำนาจวาสนานั้นแข่งไม่ได้ แข่งบุญกุศล การทำด้วยวัตถุนี่มันแข่งกันได้ แต่ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ความซาบซึ้งของใจที่ใจมันจะรับบุญนั้นเข้ามาต่างกัน

ใจมันจะรับบุญเข้ามาได้มากขนาดไหน มันอยู่ที่ว่าความเห็นของใจดวงนั้น บุญไง เจตนาบริสุทธิ์ ไทยทาน ๖ เห็นไหม ผู้ให้ให้ด้วยความบริสุทธิ์ เวลาให้ให้ด้วยความบริสุทธิ์ ให้แล้วยังมีความพอใจ ให้แล้วไม่คิดถึง นั้นน่ะผู้รับด้วยความบริสุทธิ์ ปฏิคาหกถ้าพร้อมขึ้นมานี่มันเป็นบุญกุศลของเรามาก แล้วมันพร้อมตอนไหนล่ะ ใจเรามันดิ้นรนตลอดเวลา เห็นไหม มันดัดแปลงตนคือดัดแปลงใจของตัว ศาสนาพุทธนี้ดัดแปลงเรื่องของใจ เรื่องอย่างอื่นเป็นเรื่องปัจจัยเครื่องอาศัยทั้งหมดเลย สุดท้ายแล้วเน้นลงที่ใจ

ถ้าเน้นลงที่ใจทำไมศาสนาเป็นแบบอย่างนั้นล่ะ ศาสนา เห็นไหม เน้นการก่อสร้าง เน้นต่างๆ ที่ว่าพระเขาทำกันไป พระเขาทำเพราะว่าความเห็นของพระ จิตดวงที่มาบวช เห็นไหม ใจดวงนั้นมีความคิดอย่างไร มีความปรารถนาอย่างไร มีเป้าหมายอย่างไร ถ้ามีเป้าหมายในการประพฤติปฏิบัติ มันมีเป้าหมาย เห็นไหม มีปริยัติ มีปฏิบัติ มีปฏิเวธ

ถ้ามีปริยัติขึ้นมา การศึกษาเล่าเรียนมา ศึกษาเล่าเรียนมามันปฏิบัติไม่ได้ มันไปไม่รอด มันไปไม่ถึงฝั่ง มันก็เครื่องอยู่อาศัย เห็นไหม ก็คนไปไม่ถึงฝั่งมันก็ต้องอาศัยสิ่งนั้นไป แต่ถ้าเราพยายามว่ายเข้ามาหาฝั่ง เราพยายามเข้าถึงฝั่งให้ได้ ทุกคนได้เรือมาลำหนึ่งคือร่างกายเรานี่ แล้วถ้ามันตายไปเรือลำนี้ก็ต้องบุบสลาย ต้องแตกสลายไป เรือถ้าไม่เข้าฝั่งเราติดเราก็ต้องตกไปในทะเล ตกไปในวัฏสงสารไป ถ้าเราเข้าถึงฝั่ง เราพยายามพาเรือเราเข้าถึงฝั่ง เรือคือร่างกายนี่ มันจะทุกข์ยากขนาดไหน เราจะประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม มันเป็นการดัดแปลงตน

การดัดแปลงตนทุกๆ อย่างมันต้องฝืนกิเลส ฝืนความรู้สึกของตัว เราจะประพฤติปฏิบัติอยู่ที่บ้านเราก็ทำได้ เราไปที่วัดเพื่ออะไร เพื่อเห็นไหม เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ที่บ้าน โรคบางโรคเรารักษาก็หาย โรคบางโรครักษาไม่หาย ต้องไปหาหมอ อันนี้ก็เหมือนกัน เวลาจิตใจมันเข้าไป มันปฏิบัติเข้าไปนี่ สิ่งที่ว่ามันเห็นแล้วมันแก้ไขไม่ได้ อันนั้นส่วนหนึ่ง

แล้วสิ่งที่เราไม่เคยเห็น การฟังธรรม ไปวัด เห็นไหม ส่วนที่ว่าเริ่มเป็นสิ่งสภาวะแวดล้อม ให้เราเป็นสัปปายะ สิ่งที่ควรจะเป็นไปเป็นสิ่งที่ว่าสัปปายะ ที่ว่ามันเป็นไปแล้วหมู่คณะชักนำกันไปแล้วฟังธรรม เห็นไหม ธรรมของครูบาอาจารย์จะชี้นำเรา ชี้นำให้เราพยายามเข้าถึงสิ่งที่ว่า ในหัวใจที่มืดมนนี่ก้าวเดิน ใจก้าวเดินๆ อย่างไร ถ้าทำไม่เป็นไม่รู้จะก้าวเดินอย่างไรนะ ใจมันจะก้าวเดินเข้าไป ต้องเริ่มสืบต่อเข้าไป มันจะเห็นการเดินออกไปของมรรค มรรคในหัวใจจะเดินออกไปอย่างไร

มรรคหยาบๆ เห็นไหม การเลี้ยงชีวิตชอบนี่ เราก็ว่ามรรค ๘ เราเลี้ยงชีวิตชอบ เราทำงานชอบ ทุกอย่างเราชอบหมด อันนั้นเป็นงานเครื่องอยู่อาศัย งานภายนอก แล้วมรรคที่เกิดขึ้นภายในใจ เห็นไหม มรรคคือสิ่งที่เราทำขึ้นมานี่ เวลามันเกิดขึ้นอารมณ์มันมานี่ เวลามันมาแล้วมันพลัดพรากออกไป มันมาอย่างไร แล้วที่มันเกิดขึ้นเราสะสมขึ้นมาอย่างไร จิตจะเป็นสมาธิๆ อย่างไร มันจะสงบลงอย่างไร มันมีสมาธิ มันมีสติ มีสัมปชัญญะ มันรู้ตัวตลอดเวลานะ มันจะเห็นคุณค่าของใจของตัวเอง

ถ้าเราทำความสงบของใจ มีศีล มีสมาธิ มีปัญญาขึ้นมา จะเห็นคุณค่า เห็นความแปลกประหลาด เห็นคุณค่าของใจ เห็นคุณค่าของเรานะ สมบัติทุกอย่างเราจะวางไว้เลยว่าสิ่งนั้นเป็นเครื่องอยู่อาศัย เราไม่สละมันทิ้งหรอก เพราะว่ามันเป็นของของเรา แต่มันเป็นเครื่องอยู่อาศัยนะ คุณค่าของใจ คุณค่าของความเห็น จะเห็นคุณค่าเรื่องสิ่งนี้มาก ถ้าได้เห็นเรื่องสิ่งนี้มาก มันจะพัฒนาสิ่งนี้ มันจะดัดแปลงตนสิ่งนี้ ดัดแปลงหัวใจของเรา ให้หัวใจของเราเข้าถึงหลักของสัจธรรมให้ได้

หลักของธรรมคือความอิสระของใจ หลักของสัจธรรมคืออิสรภาพของใจ ใจไม่เกาะเกี่ยว สิ่งใดที่เกาะเกี่ยวอยู่นี่มันเป็นเครื่องอยู่อาศัย เป็นการอาศัย เป็นการพักพิงกันเท่านั้น เป็นสมมุติสัจจะ มีอยู่ชั่วคราวแล้วต้องบุบสลายไป เหมือนที่ว่าเรือลำหนึ่งจะพาเข้าฝั่งให้ได้ เราจะพาเข้าฝั่งได้ไหม ถ้าพาเข้าฝั่งได้นะ ใจนี้มันดับสิ้นกิเลสในหัวใจ มันยังมีลมหายใจอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ แต่เรื่องการเกิดและการตายเป็นของหลอกกัน

เรื่องการเกิดการตายนี้เป็นสภาวะที่เปลี่ยนแปลง แต่จิตดวงนี้จะไม่เกิดไม่ตายอีกเลย เพราะว่าใจดวงนั้นมันพ้นจากสภาวะนั้น เห็นไหม นั่นน่ะมันประเสริฐๆ ตรงนี้ไง ประเสริฐที่ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนสามารถเอาตนพ้นจากการเกิดและการตายได้ ในลัทธิศาสนาอื่นๆ นั้นศาสดาเป็นผู้มีกิเลส ศาสดาไม่เข้าใจสิ่งนั้น ศาสดาสอนเรื่องศีลธรรม จริยธรรม ศีลธรรม จริยธรรมที่ว่าเราทำคุณงามความดีกัน ความดีของโลกไง ความดีเป็นการสืบต่อไง ความดีคือการเติมน้ำมันเต็มถังแล้วเราไปตลอดไป เห็นไหม

บุญกุศลเป็นอามิส สิ่งที่เกิดขึ้นเราสละออกนี่เป็นอามิส ปฏิบัติบูชานี่เป็นสมบัติของเรา เราเติมน้ำมันของเรา น้ำมันของเราจะไม่มีวันแห้ง น้ำมันในรถเราจะไม่มีวันพร่องออกไป ใจถ้าสิ้นสุดแล้วมันเป็นอย่างนั้น มันไม่มีวันพร่อง มันสุดสิ้นไป มันพึ่งตนเองได้ สิ่งที่พึ่งตนเองได้ เห็นไหม นี่ถึงว่าไม่ต้องพึ่งใคร ไม่ต้องอ้อนวอนใคร ปฏิเสธพระเจ้า ปฏิเสธทุกอย่าง ปฏิเสธสิ่งที่ว่าเป็นจิตวิญญาณ เพราะจิตวิญญาณที่ตายไป เห็นไหม คนทำบุญกุศล สร้างบุญกุศลไว้มาก เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นอินทร์ เกิดเป็นพรหม สมบัติต่างๆ ที่สร้างศาสนสมบัติไว้นี่จะไปเกิดในสถานะที่ว่าเป็นหัวหน้า เป็นพระอินทร์ เป็นอะไรนี่ เป็นผู้ปกครองเขา เพราะอะไร เพราะได้สร้างศาสนวัตถุไว้ เพราะเป็นผู้นำเขา เพราะเราได้สะสมสิ่งต่างๆ แล้วเราสละออกไป นั่นน่ะเติมน้ำมันแล้วเป็นอามิสทาน เติมน้ำมันไป

แต่ปฏิบัติบูชาที่เราทำอยู่นี่ ทุกข์ยากอยู่นี่ ปฏิบัติเพื่อใคร? ปฏิบัติเพื่อดวงใจของเราไง ให้ดวงใจของเราหลุดพ้นจากความทุกข์สิ่งนี้ สิ่งที่ปักเสียบในหัวใจที่เป็นความทุกข์อยู่นี่ ปักเสียบอยู่ในหัวใจแล้วเราก็อ้อนวอนให้คนอื่นถอนให้ อ้อนวอนให้คนอื่นทำให้ เห็นไหม เพื่ออะไร เพื่อความสุขของเรา แต่ศาสนาพุทธไม่ให้ผู้อื่นทำให้ ทุกดวงใจต้องถอนเอง ต้องถอนศรออกจากหัวใจ ต้องทำอย่างนั้นทั้งหมด นี่มันละเอียดอ่อน มันลึกซึ้งขนาดนี้ ถึงว่าทำกันไม่ได้ไง ไม่เข้าใจกัน หาสิ่งนั้นไม่เจอ ถึงว่าพึ่งคนอื่นพึ่งได้ มันของหยาบ

เรามองออกไปข้างนอกน่ะเห็นทุกอย่างเลย แต่ไม่เคยเห็นตัวเอง ไม่เคยเห็นตน ไม่เคยเห็นหัวใจของเรา นี่ศรลงตรงนี้มันถึงทำกันไม่ได้ มันถึงทำยาก พอทำยากขึ้นมาแล้วเราถึงหากันไม่ได้ไง ชาวพุทธถึงว่าสิ่งนั้นประเสริฐประเสริฐจริงๆ ผู้ที่ปฏิบัติๆ ได้ยอดจริงๆ แล้วละเอียดอ่อนจริงๆ จนว่าเราจับต้อง เราคลำกันหาทางไม่เจอ แต่ก็ยังมีความศรัทธาอยู่ก็ยังดี เห็นไหม ศรัทธานี้เป็นชาวพุทธในทะเบียนบ้าน เราเป็นชาวพุทธเราทำไป แต่ถ้าใจมันเกิดขึ้นมาจนมันปักใจเชื่อนะ จากศรัทธาเป็นอจลศรัทธา ศรัทธาที่ไม่คลอนแคลนแล้วจะพาเราถึงฝั่งได้ นั้นเป็นสมบัติในพุทธศาสนา สอนถึงการหลุดพ้นทั้งหมด เอวัง